ผู้ช่วยในการเทรด Indicator,และ EMA

Indicator คือ เครื่องมือช่วยอ่านสภาวะตลาด โดยใช้สถิติ/คณิตศาสตร์ คำนวณความน่าจะเป็น ใน mt4 มีมาให้ใช้ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าจะเพิ่มก็สามารถหาดาวน์โหลดจากแหล่งต่างๆ มาลงเพิ่มเติมได้

Ma : moving average เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ บอกแนวโน้มของตลาด

Ema : exponential moving average เป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (แบบชี้กำลัง) ให้ความสำคัญกับค่าใกล้ตัวมากกว่าไกล บอกแนวโน้มของตลาด มีการใส่ค่าที่สำคัญ เช่น 5 , 20 , 100 , 200

เช่น Ema 5 แทนค่าเฉลี่ย 5 วันเทรด

Ema 20 แทนค่าเฉลี่ยเดือน

Ema 100 ตัวแทนของ % มีนัยะสำคัญ

Ema 200 แทนค่าเฉลี่ยปี

ระบบที่ใช้ ema เช่น ระบบ ema 3 เส้น ใช้ได้ค่อนข้างดี ลองปรับใช้ดูนะครับ

การใช้ ema เป็นแนวรับแนวต้าน ด้านบนเรียกแนวต้าน ด้านล่างเรียกแนวรับ

Ema 5 ไม่เป็นด่าน เป็นตัวแทนแท่งเทียน

Ema 20 ด่านอ่อน แม่นตอนวิ่งแรงๆ

Ema 100 ด่านแข็ง ด่านหลัก

Ema 200 ด่านอ่อน ด่านสุดท้าย

ลองใช้กันนะครับ น่าจะมีประโยชน์ต่อการเทรด

การอ่าน MACD ให้แม่นยำ

หากตารางราคา คือ คู่แท้สำหรับการลงทุนทุกประเภท MADC เองก็คือคู่แท้ของการลงทุน Forex เช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยจับจังหวะแนวโน้มราคาของ Forex ได้อย่างแม่นยำแล้ว MADC ยังเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ใช้งานง่ายอีกด้วย แล้ว MACD คืออะไร นักลงทุนควรเข้าใจการอ่านค่า MACD ไปในทิศทางไหนเพื่อให้ลงทุน Forex ได้ตามสไตล์ที่ต้องการ เดี๋ยวอาจารย์ Rojer จะมาเล่าให้ฟังเอง

หากใครเป็นนักลงทุนมือใหม่ อาจารย์ Rojer ขอแนะนำให้ดูคลิปวิดีโอสอน MACD คืออะไร และทำความเข้าใจการอ่านค่า MACD เบื้องต้นดูก่อน จากนั้นจึงค่อยอ่านเนื้อหาด้านล่างนี้เพื่อเป็นการทบทวนอีกครั้ง

MACD คืออะไร?

MACD หรือ MACD Divergence คือ เครื่องมือ หรือ Indicator ที่ให้มุมมองของทิศทางแนวโน้มราคา (Trend) และ แรงส่งราคา (Momentum) พร้อมกันเพื่อช่วยให้นักลงทุน Forex จับจังหวะราคาในแต่ละช่วงเพื่อวางแผนเทรดได้อย่างเหมาะสม โดย MACD Indicator คือเครื่องมือสำหรับการลงทุนที่จะนำค่าเฉลี่ยของราคา 2 วันที่กำหนดมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนเห็นความแตกต่างและทิศทางของราคาได้

ควรใช้ MACD Divergence อย่างไร?

ก่อนที่จะไปที่การอ่านค่า MACD กัน นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจเรื่องของ Divergence ให้ดีก่อน โดยส่วนใหญ่แล้ว Divergence จะมีหลักการทำงานที่สวนทางกับราคาที่ Indicator ตั้งเอาไว้ ซึ่งตามปกติแล้ว สัญญาณจาก MACD จะมีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ

• Bullish Divergence คือ ชื่อเรียกกรณีที่ราคา Forex ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาจากการอ่านค่า MACD กลับยกตัวสูงขึ้น
• Bearish Divergence คือ กรณีที่ราคามีแนวโน้มว่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ MACD ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่เหมือนราคาที่เห็น

สัญญาณ MACD ทั้ง 2 แบบนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถช่วยให้นักลงทุนปรับแผนการลงทุนได้อย่างทันท่วงที โดยในหลาย ๆ ครั้ง นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเองก็รอให้ราคาทะลุ Trendline เพื่อเป็นสัญญาณกลับตัวของราคาใหม่ จากนั้นจึงวางแผนรับมือและลงทุนต่อเนื่องได้ทันที

การอ่านค่า MACD แบบเข้าใจง่าย

หากอ่านมาถึงจุดนี้ก็จะพบว่า MACD Indicator คืออีกหนึ่งเครื่องมือลงทุน Forex ที่จำเป็นต่อการวางแผนลงทุนเป็นอย่างยิ่ง และเพื่อให้ทุกคนได้อ่านค่า MACD ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น อาจารย์ Rojer ขอแนะนำให้ตั้งค่า MACD ตามดังนี้

1. นักลงทุนจะมีหน้าต่างเพิ่มมาด้านล่างของกราฟ เราจะดูแท่งฮีสโตรแกรมเป็นหลัก
2. จากนั้นเราจะรอให้ MACD เกิด Momentum ทั้งด้านบวกและด้านลบ ขอให้สังเกตว่า กราฟจะมีทิศทางไปทางนั้น

ซึ่งจากภาวะ Divergence ที่ได้อธิบายไปข้างต้น เราจะสามารถอ่านค่าได้ 3 รูปแบบ คือ

1. Divergence ระยะไกล/ภายนอก คือ คลื่นทั้ง 2 ของ Divergence แยกกันชัดเจน (ไปตัดเส้น 0 มาแล้ว) มีความแรงของกราฟสูง
2. Divergence ระยะใกล้/ภายใน คือ คลื่นทั้ง 2 ของ Divergence ยังไม่แยกกันชัดเจน
3. Divergence ซ้ำ คือ เกิด Divergence ในคลื่นที่ 3, 4, 5 และต่อไปเรื่อย ๆ โดยยังไม่กลับตัว แต่เมื่อเกิดการกลับตัว จะมีความแรงของกราฟค่อนข้างสูง

อยากรู้จักการอ่านค่า MACD มากกว่านี้ มาเรียนฟรีที่ Chiangmai Forex

จริงอยู่ว่า MACD Indicator คือเครื่องมือการลงทุน Forex ที่สำคัญต่อการวางแผนและการสร้างผลตอบแทน แต่การใช้ MACD ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ พร้อมเทคนิคการใช้ ตลอดจนข้อควรระวังอีกมากมาย ซึ่งหากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการโลดโผนในวงการ Forex ได้อย่างมั่นคง อาจารย์ Rojer พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้ MACD ทุกรูปแบบโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเพิ่มโอกาสการสร้างกำไรโดยการอ่านค่า MACD Indicator อย่างมีหลักการ ถูกต้อง และแม่นยำ ด้วยประสบการณ์ลงทุนมายาวนานกว่า 13 ปี มั่นใจได้ในคุณภาพ สอนง่าย อธิบายละเอียด นำไปใช้กับการลงทุนต่อได้ทันที

วิธีใช้ STO ให้แม่นขี้น

sto : stochastic oscillator เป็น indicator บอกการซื้อมากไป หรือขายมากไป ถูกออกแบบมาให้ใช้กับ sideway มีสมมติฐานการใช้ คือ

-       ในช่วง sideway ราคาจะไม่ไปไหนไกล เมื่อเริ่มไปไกล ราคาจะวิ่งกลับมาที่เดิม

-       เมื่อราคาไปอยู่ในโซน overbought (ด้านบน) คือ เกิดการซื้อมากไป ราคาจะกลับลงมาที่เดิม

-       เมื่อราคาไปอยู่ในโซน oversold (ด้านล่าง) คือ เกิดการขายมากไป ราคาจะกลับขึ้นมาที่เดิม

สามารถปรับแต่งค่าได้นะครับ โดยเฉพาะเส้น %ทางแนวนอน

การใช้ sto นี่เป็นเทคนิคที่ผมคิดค้นขึ้นมาเอง

ใช้ 4 จุด การะบุภาวะ sideway หรือ trend ถ้าระบุได้ว่าเป็น sideway ถึงจะเล่น โดยเล่นแบบ counter

-       ใช้โซนกลับตัวของ sto ในการเข้าออก

-       เมื่อราคาลงมาโซนล่าง ให้ buy

-       เมื่อราคาขึ้นไปโซนบน ให้ sell

แต่ให้ดูกราฟก่อนหน้าว่ามาจากทิศไหน ให้เลือกทิศทางเดียว และเล่นไม่เกิน 2 ครั้ง แล้วให้หยุด (เพราะกราฟอาจจะวิ่งต่อแรงๆ)

Super sto : สมมติฐานการใช้ คือ เมื่อราคาวิ่งแรงจนเกิด super sto จะเกิดโมเมนตัมในการวิ่งทิศนั้นๆ ทำให้ราคาวิ่งต่อได้อีกหลังการพักตัว

เป็น super sto เฉพาะเวลาเกิด trend (วิ่งแรง)

ไม่เป็น super stoในทิศพักตัว

ไม่เป็น super stoในภาวะ sideway

ทดลองใช้และฝึกมองบ่อยๆ จะได้ชำนาญนะครับ

วิธีเพิ่ม indicator เข้าไปใน mt4

1 โหลด indicator มารอ (.mq4 or .ex4)

2 หา folder …\MQL4\indicators ให้เจอ

3 copy indicator ที่ต้องการ มาวางในโฟลเดอร์นี้

4 restart mt4 (เปิด ปิด mt4)

5 จะเห็น indicator ใหม่เพิ่มมา

6 ลาก indicator ที่ต้องการมาวางใส่กราฟ ตั้งค่าให้เหมาะสม

หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านนะครับ